คำศัพท์ในภาษาอังกฤษมีเยอะแยะมากมาย ในบางครั้ง เราก็อาจจะต้องรู้ ขั้นตอนการเรียนคำศัพท์อย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะช่วยให้การเรียนศัพท์ของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่มันจะมีบางคำที่นอกจากจะมีความคล้ายกันในเรื่องของ spelling แล้ว ในเรื่องของ pronunciation ก็ดันมีความคล้ายกันอีก! ทำเอาหลาย ๆ คนเกิดความสับสนมึนงง แต่ไม่ต้องกังวลไป ในบทความนี้ English Munmun ได้รวบรวม คู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษชวนสับสน (Confusing Word Pairs) พร้อมข้อแตกต่าง วิธีอ่านออกเสียง และตัวอย่างการใช้มาไขข้อสงสัยของทุกคนกัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!
คู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Word Pairs) ชวนสับสน!
1. คู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Word Pairs) คืออะไร?
Word Pairs คือ คู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่มักจะถูกใช้ด้วยกัน อาจมีความใกล้เคียงกันทางด้านความหมาย วิธีใช้ และการออกเสียง เช่น accept and except, advice and advise, lose and loose เป็นต้น หรืออาจเป็นคู่คำศัพท์ที่มี่ความหมายและวิธีใช้ที่ตรงข้ามกันไปเลย เช่น hot and cold, give and take, doctor and patient เป็นต้น ซึ่งในบางครั้ง เจ้าคู่คำศัพท์เหล่านี้ก็สร้างความสับสนให้แก่ผู้ใช้งานไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าของภาษา ดังนั้น การรู้ข้อแตกต่าง วิธีใช้ และการออกเสียง คู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือ Word Pairs เหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ
2. Accept vs. Except
มาดูคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษระหว่างคำว่า Accept กับ Except กัน
❀ Accept (เอิค-เซพทฺ)
คำว่า Accept เป็นคำกริยา (verb) มีความหมายว่า ยอมรับ หรือ ตอบรับบางสิ่งบางอย่าง
❀ Except (อิค-เซพทฺ)
คำว่า Except เป็นได้ทั้งคำกริยา (verb), คำบุพบท (preposition) และคำเชื่อม (conjunction) มีความหมายว่า นอกจาก, ไม่รวม หรือ เว้นเสียแต่ว่า
ตัวอย่าง:
I would accept the gift, except it’s too expensive.
ฉันคงจะรับของขวัญเอาไว้ เว้นเสียแต่ว่ามันแพงเกินไป
Note: คำว่า Except ในรูปของคำกริยามักจะไม่เป็นที่นิยมใช้กัน
3. Advice vs. Advise
มาดูคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษระหว่างคำว่า Advice กับ Advise กัน
❀ Advice (เอิด-วายสฺ)
คำว่า Advice เป็นคำนาม (noun) มีความหมายว่า คำแนะนำ
❀ Advise (เอิด-วายซฺ)
คำว่า Advise เป็นคำกริยา (verb) มีความหมายว่า แนะนำ
ตัวอย่าง:
She asked for my advice, so I decided to advise her on the matter.
เธอขอคำแนะนำจากฉัน ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะแนะนำเธอในเรื่องนั้น
Note: การออกเสียงคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษคู่นี้แตกต่างกันตรงที่คำว่า Advice จะลงท้ายด้วยเสียง S ส่วนคำว่า Advise จะลงท้ายด้วยเสียง Z
4. Affect vs. Effect
มาดูคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษระหว่างคำว่า Affect กับ Effect กัน
❀ Affect (เออะ-เฟคทฺ)
คำว่า Affect เป็นคำกริยา (verb) มีความหมายว่า ส่งผลกระทบต่อบางสิ่งบางอย่างหรือบางคน
❀ Effect (อิ-เฟคทฺ)
คำว่า Effect เป็นได้ทั้งคำนาม (noun) และ คำกริยา (verb) มีความหมายว่า ผลจากบางสิ่งบางอย่าง หรือ เป็นเหตุ/ส่งผลให้เกิดบางสิ่งบางอย่าง
ตัวอย่าง:
A lack of sleep can affect your focus; the effect is feeling tired.
การนอนไม่เพียงพอสามารถส่งผลกระทบต่อสมาธิของคุณได้ อาการอ่อนเพลียเป็นผลมาจากการนอนไม่เพียงพอ
Note: คำว่า Effect ในรูปกริยาเป็นที่นิยมใช้กันในบริบทที่มีความเป็นทางการมาก ๆ หรือในบริบทที่มีความเฉพาะตัว มักไม่นิยมใช้ในบริบททั่วไป
5. Breath vs. Breathe
❀ Breath (เบรต”)
คำว่า Breath เป็นคำนาม (noun) มีความหมายว่า ลมหายใจ หรือ กลิ่นปาก
❀ Breathe (บรีต”)
คำว่า Breathe เป็นคำกริยา (verb) มีความหมายว่า หายใจ
ตัวอย่าง:
His breath was so bad that I couldn’t breathe.
กลิ่นปากของเขามันแย่มากจนฉันหายใจไม่ออกเลย
Note: คู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษคู่นี้มีเสียง TH ซึ่งเป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย วิธีการออกเสียงให้นำลิ้นมาไว้ระหว่างฟันบนและล่าง แล้วจึงพ่นลมออกมา
6. Lay vs. Lie
มาดูคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษระหว่างคำว่า Lay กับ Lie กัน
❀ Lay (เล)
คำว่า Lay เป็นคำกริยา (verb) มีความหมายว่า วางบางสิ่งบางอย่างหรือบางคนลง
❀ Lie (ลาย)
คำว่า Lie เป็นได้ทั้งคำนาม (noun) และ คำกริยา (verb) มีความหมายว่า คำโกหก, พูดโกหก หรือ เอนตัวลงนอน
ตัวอย่าง:
I will lay the book on the table and then lie down for a nap.
ฉันจะเอาหนังสือไปวางไว้บนโต๊ะแล้วค่อยเอนตัวนอนสักงีบ
7. Lose vs. Loose
มาดูคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษระหว่างคำว่า Lose กับ Loose กัน
❀ Lose (ลูซ)
คำว่า Lose เป็นคำกริยา (verb) มีความหมายว่า แพ้ หรือ สูญเสีย
❀ Loose (ลูส)
คำว่า Loose เป็นได้ทั้งคำกริยา (verb) และ คำคุณศัพท์ (adjective) มีความหมายว่า คลาย, ปล่อย หรือ หลวม
ตัวอย่าง:
She didn’t want to lose the game, so she made sure her shoelaces were not loose.
เธอไม่อยากแพ้การแข่งขัน เธอก็เลยตรวจดูให้แน่ใจว่าเชือกรองเท้าของเธอไม่หลวม
Note: การออกเสียงคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษคู่นี้แตกต่างกันตรงที่คำว่า Lose จะลงท้ายด้วยเสียง Z ส่วนคำว่า Loose จะลงท้ายด้วยเสียง S
8. Peak vs. Peek
❀ Peak (พีค)
คำว่า Peak เป็นได้ทั้งคำนาม (noun) กริยา (verb) และคำคุณศัพท์ (adjective) มีความหมายว่า ยอดเขา, พุ่งขึ้นถึงขีดสุด หรือ สูงสุด
❀ Peek (พีค)
คำว่า Peek เป็นได้ทั้งคำนาม (noun) และ คำกริยา (verb) มีความหมายว่า การเหลือบมอง หรือ แอบมอง
ตัวอย่าง:
He peeked at the valley below from the peak of the hill.
เขาเหลือบมองหุบเขาด้านล่างจากบนยอดเขา
9. Principal vs. Principle
❀ Principal (พริน-เสอะ-เพิล)
คำว่า Principal เป็นได้ทั้งคำนาม (noun) และ คำคุณศัพท์ (adjective) มีความหมายว่า ผู้ถือตำแหน่งสูงสุด, เป็นหลัก หรือสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
❀ Principle (พริน-เสอะ-เพิล)
คำว่า Principle เป็นคำนาม (noun) มีความหมายว่า หลักการ
ตัวอย่าง:
The school principal always follows the principle of fairness.
ครูใหญ่ปฏิบัติตามหลักความเป็นธรรมเสมอ
สำหรับคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษคู่นี้ ต้องขอบอกเลยว่า “มีความท้าทาย” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่หลาย ๆ คนจะสับสนกัน เพราะว่าทั้งคู่นั้นออกเสียงเหมือนกันเลยยังไงละ!
10. Quiet vs. Quite
❀ Quiet (ควาย-เอิท)
คำว่า Quiet เป็นได้ทั้งคำนาม (noun) คำกริยา (verb) และคำคุณศัพท์ (adjective) มีความหมายว่า ความเงียบสงบ, สงบลง หรือ เงียบสงบ
❀ Quite (ควายทฺ)
คำว่า Quite เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) มีความหมายว่า ค่อนข้าง แต่เมื่อใช้กับ non-gradable adjectives เช่น amazing, disgusting หรือ fantastic เป็นต้น จะมีความหมายว่า โดยสมบูรณ์ หรือ อย่างแท้จริง
ตัวอย่าง:
The library is usually quiet, but today it is quite noisy.
ปกติห้องสมุดจะเงียบนะ แต่วันนี้มันค่อนข้างเสียงดังเลย
จัดเป็นคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่คนใช้กันผิดเยอะมากเลยทีเดียว ด้วยวิธีการสะกดที่มีความใกล้เคียงกันจึงทำให้หลาย ๆ คนพลอยออกเสียงทั้งสองคำนี้สลับกันไปด้วยอยู่บ่อยครั้ง ทุกคนก็อย่าจำสลับกันนะ!
11. Tale vs. Tail
❀ Tale (เทล)
คำว่า Tale เป็นคำนาม (noun) มีความหมายว่า เรื่องเล่า
❀ Tail (เทล)
คำว่า Tail เป็นได้ทั้งคำนาม (noun) และ คำกริยา (verb) มีความหมายว่า หาง หรือ สะกดรอยตาม
ตัวอย่าง:
The book told the tale of a dog chasing its own tail.
หนังสือบอกเล่าเรื่องราวของสุนัขตัวหนึ่งที่วิ่งไล่หางของมันเอง
เป็นยังไงกันบ้างกับ Confusing Word Pairs หรือ คู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชวนสับสนที่ English Munmun เอามาฝากทุกคนกัน?! จริง ๆ แล้วยังมีคู่คำศัพท์อีกหลายคู่เลยนะ ถ้าทุกคนอยากรู้ความแตกต่างหรือตัวอย่างการใช้ของคู่คำอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ด้วยการเข้าไปค้นหาที่ Cambridge Dictionary ได้เลย! และเพื่อให้การเรียนศัพท์ของเราเป็นเรื่องง่ายและไวยิ่งขึ้น อย่าลืมเข้าไปอ่าน 9 เทคนิคเรียนศัพท์ภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องท่องจำ กันด้วยนะ เพียงเท่านี้การเรียนศัพท์หรือการแยกแยะคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!
สรุป
- คู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Word Pairs) คืออะไร?
- Accept vs. Except
- Advice vs. Advise
- Affect vs. Effect
- Breath vs. Breathe
- Lay vs. Lie
- Lose vs. Loose
- Peak vs. Peek
- Principal vs. Principle
- Quiet vs. Quite
- Tale vs. Tail
คำศัพท์ที่น่าสนใจในบทความนี้
เรียนภาษาอังกฤษสำหรับมือใหม่ ‘เรียนชาตินี้ เก่งถึงชาติหน้า’ ที่ English Munmun กับคอร์สเรียนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 20,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ
วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี! คลิกที่นี่
สนใจคอร์สเรียน คลิกที่นี่ เพื่อดูรายละเอียดได้เลย
กลับสู่สารบัญ