หลายคนคงเจอปัญหาว่าพอเรียนศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่ศัพท์เพื่อการสอบ เช่น ศัพท์ Toeic หรือ ศัพท์ Ielts ก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เราก็ลืมจนหมด เต็มที่ก็จำศัพท์ได้แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ผมรู้ดีเพราะว่าผมเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว แน่นอนละว่า ถ้าเราพยายามท่องศัพท์ภาษาอังกฤษอย่างหนัก เราก็จะสามารถจำมันได้ แต่มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าหากว่ามีเทคนิคจำศัพท์ที่ง่ายและสนุก ทำให้เราไม่ต้องทนทรมานกับการท่องศัพท์ภาษาอังกฤษเหมือนที่เคยทำ ๆ มา วันนี้ English Munmun มี 9 เทคนิค เรียนศัพท์ภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องท่องจำ มาฝาก
9 เทคนิค เรียนศัพท์ภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องท่องจำ
เทคนิคที่ 1 เห็นศัพท์ให้บ่อยที่สุด เทคนิคที่ 2 สร้างความเชื่อมโยง เทคนิคที่ 3 เรียนศัพท์ภาษาอังกฤษให้สนุก เทคนิคที่ 4 สมุดคู่ใจ เทคนิคที่ 5 Flashcards เทคนิคที่ 6 ฝึกใช้ศัพท์ที่เรียนมา เทคนิคที่ 7 อ่านเยอะ ๆ เทคนิคที่ 8 ทดสอบด้วยแบบฝึกหัด เทคนิคที่ 9 เลือกทางที่เหมาะที่สุด
1. เห็นศัพท์ให้บ่อยที่สุด
วิธีการนี้เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายที่สุด แถมยังเห็นผลเร็วอีกด้วย แค่เราเอาคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เราต้องการไปติดไว้ยังจุดต่าง ๆ ในบ้านและที่ทำงาน เช่น ที่ประตู ที่กระจก ที่ตู้เย็น หรือแม้แต่ในห้องน้ำ เป็นต้น เพียงเท่านี้ คำศัพท์ต่าง ๆ เหล่านั้นก็จะผ่านตาเราอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเราได้เห็นอะไรสักอย่างบ่อย ๆ เข้า สมองของเราก็จะจำมันได้โดยที่เราไม่ต้องลำบากท่องมันเลย ถ้าเรามีปัญหาเรื่องความหมายของคำศัพท์ เราก็อาจจะใช้วิธีเขียนคำแปลกำกับเอาไว้ก็ได้ หรือถ้ามีรูปภาพอยู่ด้วย ก็จะยิ่งทำให้จำคำศัพท์นั้น ๆ ได้ดีมากขึ้นเข้าไปอีก
2. สร้างความเชื่อมโยง
คนเรามักจะจำอะไร ๆ ได้ดีเวลาที่สิ่ง ๆ นั้นมีความเชื่อมโยงกับตัวเรา ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราเจออุบัติเหตุบนท้องถนน เราก็อาจจะจำไปได้ซักวันสองวัน แต่ถ้าหากว่าอุบัติเหตุนั้นเกือบจะเกิดขึ้นกับตัวเราเอง เราอาจจะจำมันได้ไปทั้งชีวิตเลยทีเดียว กับการเรียนศัพท์ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน แทนที่จะท่องศัพท์ภาษาอังกฤษไปเรื่อย ๆ เราควรพยายามหาทางเชื่อมโยงคำศัพท์นั้น ๆ ให้มีความใกล้ชิดกับตัวเราแล้วเราจะจำมันได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเจอคำว่า ‘gorgeous’ แทนที่จะจำคำแปลไปเฉย ๆ ก็ให้ลองแต่งประโยคและจำไปว่า ‘My girlfriend is gorgeous.’ อย่างนี้เป็นต้น จำไว้ว่าให้เราเชื่อมโยงคำศัพท์นั้น ๆ เข้ากับตัวเราเอง เพราะถ้าเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับตัวเรา เรามักจะจำได้ไม่นาน
3. เรียนศัพท์ภาษาอังกฤษให้สนุก
การเรียนผ่านตำราเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับใครหลาย ๆ คน ดังนั้น เราต้องทำให้บทเรียนคำศัพท์ของเรามีความสนุก โชคดีที่ในยุคปัจจุบันนี้มีแอปพลิเคชันที่จะช่วยให้เราเรียนศัพท์อังกฤษอย่างสนุกสนานให้เลือกใช้มากมาย ลองทดลองใช้และหาอันที่เหมาะสมกับเราดู อย่าลืมว่า ยิ่งเราสนุกกับการเรียนมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งใช้เวลาไปกับการเรียนมากเท่านั้น ซึ่งหมายความเราจะสามารถเพิ่มพูนคำศัพท์ในคลังคำศัพท์ของเราได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
4. สมุดคู่ใจ
เวลาที่เราเดินทางไปไหนมาไหน เราจะมีโอกาสได้เจอกับคำศัพท์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ อย่าปล่อยให้คำศัพท์นั้นแค่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป เราควรจดคำศัพท์นั้นใส่สมุดเอาไว้ เวลาจดให้เราจดคำศัพท์ คำแปล และถ้ามีรูปภาพด้วยก็จะดีมาก นอกจากนี้ เราควรฝึกแต่งประโยคต่าง ๆ โดยใช้คำศัพท์นั้น ๆ ด้วย
5. Flashcards
แม้จะเป็นวิธีที่ดูโบราณและมีอยู่มานานมากแล้ว แต่การที่ Flashcards อยู่มาได้จนทุกวันนี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีถึงความมีประสิทธิผลของมัน เพียงแค่เราจดคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ต้องการลงไปในกระดาษแล้วพกติดตัวไปยังที่ต่าง ๆ เราก็สามารถทบทวนคำศัพท์ได้อย่างง่ายดายทุกที่ ทุกเวลา ผมแนะนำให้ทำเป็นเซ็ต ๆ ละ 20 คำ และพยายามทบทวนให้ได้วันละ 3-4 รอบ เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถจำคำศัพท์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ และถ้าใครไม่อยากพก Flashcards ติดตัวไปไหนมาไหนตลอดเวลา จะใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์แทนก็ได้ นอกจากจะไม่เทอะทะแล้ว ยังสวยงาม และมีเซ็ตคำศัพท์ใหม่ ๆ ให้เลือกแบบไม่อั้นอีกด้วย
6. ฝึกใช้ศัพท์ที่เรียนมา
เวลาที่เรียนศัพท์ใหม่แล้ว วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ไม่ลืมก็คือการใช้งานจริง ให้เราพยายามมองหาโอกาสที่จะใช้ศัพท์นั้น ๆ ในบทสนทนาในชีวิตประจำวัน หรือจะเป็นในการเขียน เช่น อีเมล์ หรือแม้แต่ไดอารีก็ได้ ยิ่งเรามีโอกาสใช้ศัพท์นั้นมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเข้าใจและจำได้ขึ้นใจมากขึ้นเท่านั้น
7. อ่านเยอะ ๆ
หนึ่งในปัญหาที่มักจะพบเจอได้บ่อยก็คือ หลายต่อหลายคนรู้ว่าคำศัพท์นั้น ๆ แปลว่าอะไร แต่พอถึงเวลาที่จะต้องพูดหรือว่าแต่งประโยคจากคำศัพท์นั้น ๆ แล้วจะไม่สามารถทำได้ สาเหตุเป็นเพราะว่าพวกเค้ายังไม่รู้จัก 5 ขั้นตอน การเรียนคำศัพท์อย่างเป็นระบบ และพวกเค้าเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยสนใจแค่คำแปล แต่ไม่ได้สนใจวิธีการใช้ หรือบริบทที่เหมาะสมสำหรับคำศัพท์ตัวนั้น ๆ เลย การอ่านนอกจากจะทำให้เราได้ค้นพบศัพท์ใหม่ ๆ แล้ว ยังช่วยให้เราได้เรียนรู้คำศัพท์นั้น ๆ ไปพร้อม ๆ กับประโยคและบริบทที่เหมาะสมสำหรับการใช้ศัพท์นั้น ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การอ่านยังเป็นวิธีการที่เราจะสามารถฝึกฝนในเรื่องของการเดาความหมายจากบริบทอีกด้วย แต่อย่าลืมว่า เราควรที่จะเปิดดิกชันนารีเพื่อความมั่นใจว่าเราสามารถเข้าใจความหมายของศัพท์นั้น ๆ ได้ถูกต้องอย่างแท้จริง
8. ทดสอบด้วยแบบฝึกหัด
การทำแบบทดสอบมันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอก เมื่อเราฝึกฝนมาได้สักพักแล้ว เราควรหาแบบทดสอบมาฝึกดู นอกจากจะเป็นการสร้างความท้าทายให้กับตัวเองแล้ว การทำแบบทดสอบจะช่วยให้เราได้รู้ว่าเราเข้าใจคำศัพท์ที่เราเรียนรู้มาจริง ๆ รึเปล่า คำศัพท์ภาษาอังกฤษแทบจะทุกคำมักจะมีความหมายมากกว่า 1 ความหมาย แตกต่างกันไปตามบริบท ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่เราจะตอบผิด แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการตอบผิดก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่ดีอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
9. เลือกทางที่เหมาะที่สุด
ความถนัดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรื่องของการเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน วิธีการนี้อาจใช้ได้ผลกับคนนี้ แต่วิธีเดียวกันอาจจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยกับอีกคนก็เป็นได้ ดังนั้น เราจำเป็นต้องลองเทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบต่าง ๆ เพื่อดูว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเราที่สุด แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ การคอยเปลี่ยนรูปแบบการเรียนศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นครั้งคราวเป็นเรื่องที่เราควรทำเพราะจะช่วยให้เกิดความรู้สึกสดใหม่อยู่เสมอ ทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อกับการเรียนศัพท์นั่นเอง
สรุป
- เห็นศัพท์ให้บ่อยที่สุด
- สร้างความเชื่อมโยง
- เรียนศัพท์ภาษาอังกฤษให้สนุก
- สมุดคู่ใจ
- Flashcards
- ฝึกใช้ศัพท์ที่เรียนมา
- อ่านเยอะ ๆ
- ทดสอบด้วยแบบฝึกหัด
- เลือกทางที่เหมาะที่สุด
คำศัพท์ที่น่าสนใจในบทความนี้ remember (v.) = จำ of course (adv.) = แน่นอน(ละ) association (n.) = ความเชื่อมโยง gorgeous (adj.) = งาม effectiveness (n.) = ประสิทธิผล unlimited (adj.) = ไม่อั้น context (n.) = บริบท having said that (idm.) = ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ
เรียนภาษาอังกฤษสำหรับมือใหม่ ‘เรียนชาตินี้ เก่งถึงชาติหน้า’ ที่ English Munmun กับคอร์สเรียนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 17,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ
วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี! คลิกที่นี่
รับคอร์สเรียน ฟรี! คลิกที่นี่