6 เทคนิค ฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง

ฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง

    การฝึกภาษาอังกฤษจากหนังนั้นเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้ผลสูงที่สุด เพราะว่าเราจะรู้สึกสนุกไปกับหนังซะจนเราไม่รู้สึกว่าเรากำลังเรียนอยู่ ซึ่งไม่เหมือนกับการเรียนในห้องเรียนหรือว่าการอ่านตำราหรือการท่องศัพท์ วันนี้ English Munmun นำเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษจากหนังมาฝากคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองอยู่ ไปดูกันเลย

6 เทคนิค ฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง

เทคนิคที่ 1 เลือกเรื่องที่สนุก

เทคนิคที่ 2 เลือกหนังให้เหมาะกับระดับภาษาอังกฤษของเรา

เทคนิคที่ 3 ใช้ Subtitle ให้เป็นประโยชน์

เทคนิคที่ 4 เตรียมเปิดดิก

เทคนิคที่ 5 ฝึกพูดตาม

เทคนิคที่ 6 ปล่อยผ่านซะบ้าง

สรุป

คำศัพท์ที่น่าสนใจ

1. เลือกเรื่องที่สนุก

    แน่นอนละว่าข้อนี้ทุกคนเองก็คงจะเดาได้ไม่ยากเพราะถ้าเราเลือกหนังที่น่าเบื่อเราก็จะไม่อยากดูต่อแล้วก็คงยากที่จะดูจนจบได้ สมัยที่ตัวผมเองเริ่มฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง ผมเลือกดูเรื่องที่คนเค้าแนะนำกัน แต่ปรากฏว่าดันเป็นหนังที่ผมรู้สึกไม่ชอบเอาซะเลย แต่ผมก็พยายามทนดูจนจบ สุดท้ายก็แทบไม่ได้เรียนรู้อะไรจากหนังเรื่องนั้นเลย และเพราะแบบนี้เองผมถึงแนะนำให้เลือกหนังที่เราชอบไว้ก่อน เราอาจจะเลือกจากหนังที่เราเคยดูมาก่อนแล้วก็ได้ หรือถ้ายังไม่มีเรื่องที่ชอบ ผมแนะนำให้ลองดูรีวิวจากเว็บไซต์รีวิวหนังชื่อดังอย่าง Rotten Tomatoes หรือ IMDb เป็นต้น

2. เลือกหนังให้เหมาะกับระดับภาษาอังกฤษของเรา

“พยายามฝึกภาษาอังกฤษจากหนังแล้วแต่ว่าฟังไม่ทันเลย ทำยังไงดี?”

“พอจะฟังคำออก แต่ไม่รู้ว่าเค้าพูดถึงอะไรกัน แก้ยังไง?”

    ผมเจอคำถามลักษณะประมาณนี้บ่อยมาก ๆ ที่จริงแล้ววิธีแก้นั้นไม่ยากเลย แต่สิ่งสำคัญก็คือเราต้องรู้ซะก่อนว่าปัญหาที่แท้จริงของเราคืออะไร   แล้วสรุปว่าปัญหาที่ว่ามันคืออะไรละ?

    คำตอบก็คือ หนังเรื่องที่เรากำลังใช้ฝึกอยู่นั้นมันยากเกินกว่าพื้นฐานของเรานั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว วิธีแก้ไม่ยากเลย ก็แค่เลือกหนังเรื่องใหม่ให้มันเหมาะกับเราแค่นั้นแหละ คำแนะนำเบื้องต้นก็คือว่าถ้าระดับพื้นฐานภาษาของเรายังไม่ค่อยดีนัก เราควรจะเริ่มจากหนังที่พูดช้า ๆ ชัด ๆ ก่อน เช่น การ์ตูนสำหรับเด็ก เป็นต้น

3. ใช้ Subtitle ให้เกิดประโยชน์

    สำหรับคนที่ยังพื้นฐานไม่ดีนัก การจะฝึกฟังภาษาอังกฤษจากหนังให้เข้าใจได้ 100% เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นการเปิด Subtitle จะช่วยให้เราเข้าใจในสิ่งที่นักแสดงพูดได้ถูกต้อง นอกจากนี้ยังทำให้เราเข้าใจเรื่องราวและอารมณ์ของหนังได้ดีขึ้นด้วย ตอนที่ผมเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองนั้น ผมใช้วิธีเปิด Subtitle ในรอบแรก ๆ ที่ดูก่อน แล้วถ้ามีประโยคไหนที่ฟังไม่ทัน ผมก็จะย้อนกลับไปฟังพร้อมกับอ่าน Subtitle ไปซ้ำ ๆ จนกว่าจะฟังทัน แล้วถึงจะดูต่อ และเมื่อผมฝึกซ้ำรอบต่อ ๆ ไป ผมจะพยายามดูโดยไม่เปิด Subtitle ถ้าหากว่าใครยังไม่มีแนวทางการฝึกในใจ ลองเอาวิธีที่ผมใช้ไปลองดูก็ได้นะ

4. เตรียมเปิดดิก

เอ๊ะ! ไหนบอกว่าให้เลือกดูหนังที่สนุกไง แล้วมันจะต้องเปิดดิกทำไม?

    มันก็ใช่ที่ว่าให้ดูให้สนุก แต่อย่าลืมว่าเรากำลังฝึกภาษาอังกฤษจากหนังอยู่ด้วย ถ้าเราดูไปเรื่อยเปื่อย เอาแค่ความสนุก โดยไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของเนื้อเรื่อง เราอาจจะพลาดอรรถรสที่แท้จริงของหนัง หรือพลาดมุกตลกที่ซ่อนอยู่ในบทพูดก็เป็นได้ ดังนั้นเวลาเจอคำศัพท์ หรือสำนวนใหม่ ๆ ที่เราสามารถนำไปใช้ได้ เราก็ควรจะจดเก็บเอาไว้และควรเปิดดิกเพื่อเช็คความหมายด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันนี้มีแอปพลิเคชันดิกชันนารีให้ดาวน์โหลดมาใช้ในมือถือได้ หรือถ้าใครไม่อยากดาวน์โหลดเก็บไว้ในมือถือ ก็สามารถใช้ดิกชันนารีออนไลน์ที่มีให้ใช้กันแบบฟรี ๆ ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายสำนักเลย ผมแนะนำ 3 ยี่ห้อที่ผมคิดว่าอ่านเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่ตามนี้

  • แบบแปลอังกฤษเป็นไทย Google Translate
  • แบบแปลอังกฤษเป็นอังกฤษ Oxford และ Longman

5. ฝึกพูดตาม

    เมื่อเราดูหนังบ่อย ๆ เข้า เราจะพบว่ามีอยู่หลาย ๆ วลี หลาย ๆ สำนวน หรือหลาย ๆ ประโยค ที่หลาย ๆ ตัวละครในหนังหลาย ๆ เรื่องมักจะพูดกัน แสดงให้เห็นว่าวลี สำนวน หรือประโยคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกใช้กันอยู่บ่อย ๆ ในชีวิตจริง ยกตัวอย่างเช่น “Hell yeah”, “Cool”, “You bet”, “Gotcha”, “The thing is” เป็นต้น ดังนั้น นอกจากเราควรจะเข้าใจความหมายและอารมณ์ของคำพูดเหล่านี้แล้ว เราก็ควรที่จะฝึกพูดให้ชินปากเอาไว้ด้วย การพูดออกเสียงนั้นนอกจากจะทำให้พูดชัดและถูกต้องขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยให้เราฟังเก่งขึ้นอีกด้วย และผมรับประกันได้เลยว่าเราจะได้ยินและมีโอกาสได้ใช้คำพูดเหล่านี้ในชีวิตจริงแน่นอน

6. ปล่อยผ่านซะบ้าง

    เวลาที่เราฝึกฟังภาษาอังกฤษจากหนัง เราไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสกับคำศัพท์ทุกคำ หรือประโยคทุกประโยคก็ได้ เพราะว่าบางครั้งมันก็ไม่ใช่คำหรือประโยคที่ใช้บ่อยหรือมีความสำคัญมากมายอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเราจะพลาดสิ่งสำคัญอะไรไป เพราะถ้าหากว่าคำหรือประโยคนั้นเป็นสิ่งที่ใช้อยู่บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันจริง ๆ ละก็ เดี๋ยวเราก็จะได้เจอจากในหนังเรื่องต่อ ๆ ไปอยู่ดี สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าเราเลือกฝึกภาษาอังกฤษจากหนังเพราะเราต้องการความสนุกไปพร้อม ๆ กับการเรียน เพราะฉะนั้นถ้าหากว่ามีคำพูด สำนวน หรือประโยคไหนที่เราฟังไม่ทัน แล้วเราดูแล้วว่าไม่ได้มีความสำคัญซักเท่าไหร่ เราก็ปล่อยผ่านไปบ้างก็ได้

สรุป 6 เทคนิค ฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง

  1. เลือกเรื่องที่สนุก
  2. เลือกหนังให้เหมาะกับระดับภาษาอังกฤษของเรา
  3. ใช้ Subtitle ให้เป็นประโยชน์
  4. เตรียมเปิดดิก
  5. ฝึกพูดตาม
  6. ปล่อยผ่านซะบ้าง

คำศัพท์ที่น่าสนใจในบทความนี้

guess (v.) = เดา

boring (adj.) = (ที่) น่าเบื่อ

recommend (v.) = แนะนำ

try (v.) = พยายาม

meaning (n.) = ความหมาย

joke (n.) = มุกตลก

hidden (adj.) = (ที่) ซ่อนอยู่

phrase (n.) = วลี

guarantee (v.) = รับประกัน

let it go (idm.) = ปล่อยไป

เรียนภาษาอังกฤษสำหรับมือใหม่ ‘เรียนชาตินี้ เก่งถึงชาติหน้า’ ที่ English Munmun กับคอร์สเรียนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 17,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี! คลิกที่นี่

รับคอร์สเรียน ฟรี! คลิกที่นี่

กลับสู่สารบัญ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้ประเภทจำเป็นสำหรับระบบเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า