8 เทคนิค เก่งภาษาอังกฤษ พูดได้จริง ไม่ต้องไปเรียนนอก

เก่งภาษาอังกฤษ

    การเรียนภาษาอังกฤษไม่ได้จำเป็นต้องอยู่แต่ในห้องเรียนเสมอไป อันที่จริงแล้ว การเรียนภาษาให้ได้ผลเร็วที่สุดอาจจะเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนซะด้วยซ้ำ นอกจากนี้ พวกเราต่างก็รู้กันดีว่าคนแต่ละคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน กับการเรียนภาษาเองก็เช่นกัน บางคนอาจจะสนุกกับการเรียนในห้อง ในขณะที่บางคนอาจจะเรียนรู้ได้เร็วกว่าเมื่อต้องเอาภาษาไปใช้ในชีวิตจริง วันนี้ English Munmun เอาเทคนิคการเรียนให้เก่งภาษาอังกฤษ พูดได้จริง ไม่ต้องไปเรียนนอก มาฝาก

8 เทคนิค เก่งภาษาอังกฤษ พูดได้จริง ไม่ต้องไปเรียนนอก

เทคนิคที่ 1 จดคำศัพท์ใหม่เสมอ

เทคนิคที่ 2 คลุกคลีกับเจ้าของภาษา

เทคนิคที่ 3 เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเรียน

เทคนิคที่ 4 ฝึกเมื่อมีจังหวะ

เทคนิคที่ 5 สอนคนอื่น

เทคนิคที่ 6 ใช้โทรศัพท์มือถือให้เป็นประโยชน์

เทคนิคที่ 7 หัดใช้ดิกชันนารี

เทคนิคที่ 8 อย่าทำพลาดซ้ำ

สรุป

คำศัพท์ที่น่าสนใจ

1. จดคำศัพท์ใหม่เสมอ

    การเรียนคำศัพท์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด คุณจะได้พบเจอกับคำศัพท์ใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้พบเจอศัพท์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจอจากการเรียนในห้องเรียน หรือเป็นการเจอจากข้างนอกในชีวิตประจำวัน คุณควรที่จะจดคำศัพท์นั้นเอาไว้ไม่ว่าจะจดใส่สมุดหรือจดในโทรศัพท์มือถือก็ตาม ผมแนะนำให้คุณจดประโยคตัวอย่างเอาไว้ด้วย เพราะบางครั้งคำศัพท์บางคำแม้จะคล้ายกันมาก แต่วิธีใช้อาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ได้

2. คลุกคลีกับเจ้าของภาษา

    ผมมีเพื่อนอยู่หลายคนที่มีโอกาสไปเรียนต่อเมืองนอก แต่พอกลับมาที่เมืองไทยพวกเค้ากลับพูดภาษาอังกฤษไม่ดีขึ้นเลย หรือว่าดีขึ้นก็ดีขึ้นแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเมื่อลองถามลงไปลึก ๆ ดู ก็ได้ความว่าพวกเค้าใช้เวลาส่วนใหญ่คลุกคลีกับเพื่อนคนไทยด้วยกันตอนที่อยู่ที่นั่น ทำให้พวกเค้าไม่ค่อยได้มีโอกาสฝึกพูดภาษาอังกฤษซักเท่าไหร่ หนทางในการพัฒนาภาษาอังกฤษที่ถูกต้องจริง ๆ คือการพยายามคลุกคลีกับเจ้าของภาษาให้มากที่สุด เพราะคุณจะโดนบีบให้ต้องพูดภาษาอังกฤษไปโดยปริยาย คุณอาจจะลองไปทักทายฝรั่งตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ หรือคุณอาจจะใช้บริการแอปพลิเคชันหาเพื่อนต่าง ๆ ก็ได้ และนอกจากจะเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นแล้ว การคลุกคลีกับฝรั่งบ่อย ๆ ยังช่วยให้คุณได้เรียนรู้สิ่งที่คุณจะไม่มีโอกาสได้เรียนจากในห้องเรียนอีกด้วย เช่น สแลง เป็นต้น ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถหาชาวต่างชาติได้จริง ๆ ล่ะก็ คุณสามารถมาเข้าร่วม กลุ่ม Facebook ของ English Munmun ได้ เพราะเรามีคลาสสอนสดโดยเจ้าของภาษาให้คุณเข้ามาฝึกได้ถึงสัปดาห์ละ 2 ครั้งเลยทีเดียว

3. เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเรียน

    คนเราแต่ละคนมีความชอบและความถนัดไม่เหมือนกัน เรื่องการเรียนรู้ก็เช่นกัน สำหรับบางคน หัวอาจจะแล่นในตอนเช้า แต่กับบางคน ช่วงเวลาที่มีสมาธิที่สุดกลับเป็นตอนกลางคืน ดังนั้น คุณต้องสำรวจตัวเองและหาช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษของคุณให้เจอ และวางแผนการเรียนให้เหมาะสมเพื่อที่จะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวให้คุ้มค่ามากที่สุด

4. ฝึกเมื่อมีจังหวะ

    แม้จะบอกว่าคุณควรหาเวลาที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณที่จะฝึกภาษาอังกฤษก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณควรมองข้ามช่วงเวลาที่เหลือไปเลย ในช่วงเวลาระหว่างวันที่คุณพอจะมีเวลาว่าง เช่น ระหว่างทานข้าว ระหว่างรอรถไฟฟ้า ระหว่างการเดินทาง หรือแม้แต่ช่วงที่คุณอาบน้ำก็ยังได้ คุณก็ควรจะฝึกฝนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม คุณไม่จำเป็นต้องฝึกแบบจริง ๆ จัง ๆ ในช่วงเวลาเหล่านี้ก็ได้ อาจจะเป็นแค่การท่องศัพท์หรือว่าอ่านโน๊ตที่เคยจดเอาไว้เฉย ๆ ขอแค่อย่าปล่อยให้เสียเวลาไปเปล่า ๆ ก็พอ

5. สอนคนอื่น

    การสอนคนอื่นเป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถจำเนื้อหาได้แม่นขึ้นอย่างมากซะจนไม่น่าเชื่อ คุณอาจจะคิดว่าคุณยังเก่งไม่พอจะไปสอนใคร แต่ลองนึกดูให้ดี ๆ รอบ ๆ ตัวคุณย่อมมีคนที่พื้นฐานน้อยกว่าคุณและอยากจะเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นอยู่แน่ ๆ อาจจะเป็นเพื่อนของคุณเอง หรืออาจจะเป็นคนในครอบครัวของคุณ เช่น คุณพ่อ คุณแม่ เป็นต้น คุณอาจจะไปเป็นอาสาสมัครสอนเด็ก ๆ ที่ด้อยโอกาสก็ได้ นอกจากจะได้ทบทวนและฝึกฝนแล้ว ยังได้บุญได้กุศลอีกต่างหาก

6. ใช้โทรศัพท์มือถือให้เป็นประโยชน์

    พวกเราต่างก็มีโทรศัพท์มือถือกันทุกคน เพราะฉะนั้นคุณควรใช้ประโยชน์จากมันให้มากที่สุด คุณสามารถอัดเสียงตัวเองตอนฝึกพูดเอาไว้ได้ เมื่อคุณเปิดฟังคุณจะได้รู้ว่ามีจุดไหนที่พูดผิด หรือจุดไหนที่ควรเน้นเสียง หรือจุดไหนที่พูดเร็วหรือช้าเกินไป เป็นต้น นอกจากนี้คุณยังสามารถฝึกการออกเสียงโดยการพูดกับ Google Assistant หรือ Siri แล้วดูว่าโทรศัพท์เข้าใจในสิ่งที่คุณพูดหรือไม่

7. หัดใช้ดิกชันนารี

    สำหรับผู้เรียนภาษา ดิกชันนารีถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ ที่ควรมี แม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยี Google Translate จะทำได้ค่อนข้างดีแล้วก็จริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีข้อผิดพลาดอยู่ไม่น้อย ดังนั้นการหาดิกชันนารีดี ๆ ซักเล่มติดตัวไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ๆ เสียด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าคุณยังเป็นผู้เรียนระดับต้นอยู่ คุณอาจจะใช้ดิกชันนารีแบบแปลอังกฤษเป็นไทยไปก่อน แต่ถ้าคุณเริ่มมีพื้นฐานบ้างแล้ว ผมแนะนำให้ใช้ดิกชันนารีแบบแปลอังกฤษเป็นอังกฤษ ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจรายละเอียดของคำศัพท์ได้ถูกต้องขึ้น ได้เห็นบริบทการใช้งานคำศัพท์นั้น ๆ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

8. อย่าทำพลาดซ้ำ

    การทำผิดพลาดไม่ใช่เรื่องที่น่าอายแต่อย่างใด คนเราทุกคนต่างก็ต้องเคยผิดพลาดกันมาแล้วทั้งนั้น ไอน์สไตน์เคยบอกเอาไว้ว่า “คนที่ไม่เคยทำผิดพลาดเลย ก็คือคนที่ไม่เคยทำอะไรใหม่ ๆ เลย” เพราะฉะนั้น ถ้าอยากเก่งอังกฤษจงอย่ากลัวที่จะพูดผิด แต่ให้จำไว้ว่าเมื่อรู้ว่าแบบไหนคือผิดแล้ว ก็อย่าทำผิดพลาดในจุดเดิมซ้ำอีก

สรุป

  1. จดคำศัพท์ใหม่เสมอ
  2. คลุกคลีกับเจ้าของภาษา
  3. เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเรียน
  4. ฝึกเมื่อมีจังหวะ
  5. สอนคนอื่น
  6. ใช้โทรศัพท์มือถือให้เป็นประโยชน์
  7. หัดใช้ดิกชันนารี
  8. อย่าทำพลาดซ้ำ

คำศัพท์ที่น่าสนใจในบทความนี้

interest (n.) = ความชอบ

aptitude (n.) = ความถนัด

situation (n.) = สถานการณ์

volunteer (n.) = อาสาสมัคร

record (v.) = อัดเสียง

pronunciation (n.) = การออกเสียง

context (n.) = บริบท

mistake (n.) = ข้อผิดพลาด

เรียนภาษาอังกฤษสำหรับมือใหม่ ‘เรียนชาตินี้ เก่งถึงชาติหน้า’ ที่ English Munmun กับคอร์สเรียนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 17,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี! คลิกที่นี่

รับคอร์สเรียน ฟรี! คลิกที่นี่

กลับสู่สารบัญ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้ประเภทจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้ประเภทจำเป็นสำหรับระบบเว็บไซต์ได้

Save